ชนาธิป สรงกระสินธ์ บุคคลแห่งปี 2018 🙏🙏🙏🙏
//แอดมินJKL
ในสายตาของคนไทยที่มีต่อเจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ เขาคือเด็กหนุ่มที่น่ารักเสมอ
นักข่าวหลายคนบอกเป็นสิ่งเดียวกัน ว่าชนาธิปแม้จะดังแค่ไหน แต่ไม่เคยเย่อหยิ่ง ไม่เคยทำตัวเข้าถึงยาก เขาเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อก่อนนิสัยอย่างไร ดังแล้วก็นิสัยอย่างนั้น
ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า คนไทยใครๆก็รักชนาธิป จึงไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่อย่างใด
ชีวิตของเจ ถ้าไม่นับการโดนปฏิเสธตอนสมัยเรียน พอเข้าสู่ระบบฟุตบอลอาชีพแล้ว ก็นับว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบ จากสโมสรเทโร ขึ้นชั้นสู่เมืองทองฯ และได้แชมป์ไทยลีกครั้งแรก ก่อนย้ายไปเล่นเจลีก ที่คอนซาโดเล่ ซัปโปโร
ขณะที่กับทีมชาติ ดังมาจากชุด U-19 ก่อนติดธงชุดใหญ่ คว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2 สมัยซ้อน โดยคว้ารางวัล MVP ทั้ง 2 สมัย
ที่ผ่านมาทุกอย่างสวยงามมากๆ ดูเพอร์เฟ็กต์หมด อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ 2561 นี่เอง เป็นปีที่ชีวิตของชนาธิป มีความดราม่า และเป็นครั้งแรก ที่เขาเจอเสียงวิจารณ์เยอะขนาดนี้
เรื่องนอกสนาม กับ เรื่องในสนาม มันทำให้ชีวิตของเขาวุ่นไปหมด
-----------------------------------------------
ครึ่งซีซั่นหลังของปี 2017 ชนาธิปย้ายไปเล่นกับคอนซาโดเล่ ซัปโปโร เขาลงไป 16 นัด มีผลงานคือ 0 ประตู 1 แอสซิสต์
ฟอร์มการเล่นรวมๆ อยู่ในระดับทรงๆ ไม่ได้โดดเด่น ไม่ใช่คีย์แมนในการตัดสินเกม
ปัญหาของเจคือ เขาได้บอลน้อยมาก การโดนจับไปเล่นปีกซ้าย ส่งผลให้ต้องวิ่งขึ้นลงเหมือนวิงแบ็ค ขณะที่เพื่อนในทีมก็ไม่ค่อยจ่ายบอลให้
ตำแหน่งดีที่สุดของชนาธิป คือมิดฟิลด์ตัวรุกที่ต้องการพื้นที่ในการสร้างสรรค์เกม แต่พอมายืนปีก เขาก็ทำได้เพียงแค่เอาตัวรอดให้ได้ กับสถานการณ์ตรงหน้าเท่านั้น
ชนาธิปสร้างสรรค์เกมได้แค่ 16 ครั้ง จาก 16 เกม นั่นแปลว่า เฉลี่ยแล้วเขา จะส่งบอลสวยๆให้เพื่อนได้ยิงแค่ เกมละ 1 ครั้ง ซึ่งนั่นไม่ใช่ผลงานที่ดีเลย ของนักเตะที่เป็นเพลย์เมกเกอร์
จบซีซั่น ชนาธิป พาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จก็จริง แต่สถิติส่วนตัวของเขาไม่โอเค จนนำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ว่า "ซัปโปโรเอาไปเพราะการตลาดเท่านั้นล่ะวะ"
ในอดีต คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทำแบบนี้บ่อย พวกเขาจะดึงเอานักเตะอาเซียน ไปเพิ่มกระแสการตลาดเสมอ
อิรฟาน บัคดิม และ สเตฟาโน่ ลิลิปาลี่ ของอินโดนีเซีย ก็เคยมาอยู่ เช่นเดียวกับ เลอ คอง วินห์ ของเวียดนาม ก็มาคอนซาโดเล่เช่นกัน
ในเคสของชนาธิป พอย้ายมาเขามีส่วนทำให้ การท่องเที่ยวในเมืองฮอกไกโด มีความคึกคักขึ้น มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ใส่ทริปการดูชนาธิป ลงในแพลนการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วย
ถ้าในแง่การตลาด มันเข้าเป้าแน่ๆ แต่ในแง่ของฟอร์มการเล่นล่ะ? ชนาธิป โดนพูดถึงหนักๆว่า "เจก็แค่มัสค็อตของทีม" ซึ่งนั่นเป็นแรงกดดันที่เขาต้องแบกรับในซีซั่นที่ 2
ชนาธิปจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองว่า ฝีเท้าของเขาคือของจริง เพื่อให้คนยอมรับ ซึ่งไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายเลยสักนิด
-----------------------------------------------
ฟอร์มในสนามทำให้เครียดแล้ว แต่ปัญหาที่หนักกว่านั้น คือเรื่องนอกสนาม
ชนาธิป เลิกรา กับ เมย์-พิชญนาฏ แฟนสาวที่คบกันมานานกว่า 2 ปีครึ่ง
3 มกราคม ทั้งคู่เลิกกันแบบช็อกคนทั้งประเทศ คือ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในงานบวช ของเจ ที่นครปฐม เรายังเห็นเมย์ไปปลงผมให้นาคอยู่เลย แต่อยู่ๆก็มาเลิกกันแบบสายฟ้าแลบ
ทั้งคู่มีข่าวจะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ แล้วอยู่ๆทำไมถึงจบความสัมพันธ์กันได้แบบนี้
เมย์ ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐ ว่าปัญหาคือความสัมพันธ์ที่แตกร้าวของเธอกับพ่อแม่เจ
"เมย์เองอายุ 36 แล้ว เมย์ยินดี เมย์พร้อมแต่งงาน เอาตรงๆคือรอผู้ชายมาขอ เรา 2 คน ไปคุยกับพ่อแม่เจ แต่คำตอบที่ได้คือ ไม่มีฤกษ์ ถ้าจะแต่งต้องรออีก 3 ปี แล้วอีกเหตุผลของแม่เขาคือ เมย์กับเจ เกิดปีไก่เหมือนกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก ตีกันตาย"
"เราทั้งคู่ร้องไห้ เมย์ถามท่านตรงๆว่า พ่อกับแม่ไม่ชอบอะไรหนูหรือเปล่าคะ แม่เจท่านก็บอกว่า แม่ไม่มีอะไรนะ แต่บ้านเราไม่มีอะไรให้นะ"
"เมย์เสียใจนะ เราไม่ต้องการอะไรเลย เรายอมรับว่ารักเขาจริงๆ เราอายุเยอะแล้ว เราก้าวข้ามทุกอย่างมาได้ แต่ถ้าคนในครอบครัวเขาไม่ยอมรับเมย์ เราคงไปต่อไม่ได้"
เรื่องความรักที่มีต่อกัน คู่นี้เป็นหนึ่งคู่ที่น่ารักมากๆ เมย์เองก็รักเจ อย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรักได้ เธอเคลียร์ตารางงาน หาเวลาบินไปที่ฮอกไกโดเสมอ เพื่อมีเวลาอยู่ด้วยกันเล็กน้อยก็ยังดี
แต่ในสังคมไทย ต่อให้คุณรักกันแค่ไหน ถ้ามีเรื่องครอบครัวมาเกี่ยวข้องด้วย มันก็ไม่ง่ายแล้ว
คนที่ลำบากใจที่สุดในเรื่องนี้ คือชนาธิป ที่อยู่ตรงกลางของปัญหา
แฟนก็รัก เพราะเมย์นี่เป็นคนที่เจ แอบปลื้มมานานมาก ได้คบกับคนที่ตัวเองปลื้ม มันเหมือนความฝันชัดๆ แต่กับพ่อแม่ นี่คือคนที่เขารักที่สุดในชีวิต มันเลยเป็นปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
สถานการณ์ของเจ ยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อเขา "โดนด่า" โดยเฉพาะแฟนๆในวงการบันเทิง ที่ด่าเจไม่มีชิ้นดี
ขอยกตัวอย่างในเว็บพันทิปส่วนหนึ่งที่คนหยิบมาด่าเจนะครับ
"เจยังเด็กอยู่หรือถึงตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ ถ้าคนมันรักกันจริงอุปสรรคแค่นี้ มันก็แค่ขี้หมูขี้หมา เพียงแค่พูดออกมาคำเดียวว่าแต่ง ก็จบ" จากสมาชิก คุณ prasintong_k
"ลูกแหง่คนหนึ่ง จะเป็นสามีเป็นผู้นำที่ดีได้ยังไง แฟนคนเดียวยังให้ความชัดเจนอะไรไม่ได้ รู้เลยว่าทำตามคำสั่งพ่อแม่ทุกอย่าง หนูอย่างนั้น หนูอย่างนี้ กตัญญูมันก็ดี ให้แม่หาเมียให้แล้วกัน" จากสมาชิก คุณ MiReDo
นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ของคนที่ใครๆก็รักอย่างเจ โดนกระแสความเกลียดชังมากขนาดนี้
เมื่อเจอปัญหารุมเร้า ส่งผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจ ทำให้ชนาธิป ต้องโฟกัสไปที่ฟุตบอลอย่างเดียวเท่านั้น
เจ หนีจากดราม่าทั้งหมด ไปเก็บตัวกับเพื่อนร่วมทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร เพื่อเตรียมตัวก่อนซีซั่นใหม่จะเริ่มต้นขึ้น เขาไปโอกินาว่า ต่อด้วยไปฮาวาย
สำหรับเจเอง ที่คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ณ เวลานั้น ชีวิตก็ไม่ได้แฮปปี้ เพราะสโมสรมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ นั่นคือชูเฮ โยโมดะ โค้ชที่ให้โอกาสเจในซีซั่นแรก โดนลดบทบาทเป็นผู้ช่วย แล้วเป็น "โค้ชมิช่า" หรือ มิไฮโล เปโตรวิช ชาวเซอร์เบียมาคุมทัพแทน
เปโตรวิชเข้ามาปรับระบบการซ้อมใหม่ ทำให้ชนาธิปมึนงง และส่งผลให้เขาโดนโค้ชเรียกมาด่าทุกวัน
สุดท้าย เปโตรวิช ก็จับเอาชนาธิปไปซ้อมอยู่ในกลุ่มตัวสำรอง ในเกมอุ่นเครื่องเขาไม่ได้ลงเป็นตัวจริงด้วยซ้ำ
ในช่วงต้นปี จึงกลายเป็นสองปัญหารุมเร้าเขาในคราวเดียว ในสนาม และนอกสนาม
และเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญที่สุดของเจ ว่าจะผ่านมันไปได้หรือไม่
-----------------------------------------------
ชนาธิป ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ ทั้งสิ้น เขาโฟกัสเรื่องทั้งหมดที่สนามฟุตบอล ตลอดช่วงเวลาที่ฮาวาย สิ่งที่เขาทำคือ กิน ซ้อมเช้า กิน ซ้อมเย็น นอน ทุกอย่างวนเวียนอยู่แค่นี้
ในเมื่อเขาไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรอื่นได้แล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนสายตาของคนอื่นได้ด้วย ดังนั้น เขาจึงต้องกลับมาทำ ในเรื่องที่เขาถนัดที่สุด นั่นคือ ฟุตบอล
"ผมโดนด่าทุกวันเลย" เจเผย "แต่ผมก็พยายามทำให้ได้ เพราะผมอยากพัฒนา"
สิ่งที่เจต้องเปลี่ยน นอกจากจังหวะการเล่น คือเรื่องของทัศนคติ ที่ผ่านมาซีซั่นก่อน ชนาธิป ยังเล่นด้วยความเกรงใจนักเตะคนอื่น แต่ เปโตรวิชย้ำว่า ในเมื่อคุณเป็นผู้เล่นต่างชาติ คุณจะเล่นแบบเพลย์เซฟเอาตัวรอดไม่ได้ คุณต้องเด่นกว่าคนอื่น
"โค้ชมิช่า สอนว่า เล่นฟุตบอลต้องคิด ต้องวิ่งให้เยอะ และมี Timing ที่ดี เขาบอกผมว่า เลี้ยงบอลเข้ากรอบ พาบอลไปข้างหน้า แล้วก็ยิงได้เลย ไม่ต้องเกรงใจใคร เราเป็นตัวต่างชาติ เราต้องเล่นให้แตกต่าง"
เจ ฝึกซ้อมอย่างหนัก พยายามปรับตัวกับแนวทางการเล่นใหม่ๆให้ได้ จากนั้นเกมเจลีก นัดแรกก็เริ่มขึ้น และบังเอิญที่ คอนซาโดเล่ของเขา ต้องปะทะกับซานเฟรซเช่ ฮิโรชิม่า ของธีรศิลป์ แดงดาพอดี
ปรากฎว่า ในเกมนั้น "มุ้ย" ยิงประตูชัยให้ซานเฟรซเช่ ชนะ 1-0 ซึ่งเจ ก็โดนวิจารณ์หนักขึ้นอีกว่า มุ้ยไปญี่ปุ่นเกมแรก ยิงได้เลย เจลงเล่นมาแล้ว 17 เกม ยังยิงไม่ได้สักลูก กลายเป็นแรงกดดันเพิ่มให้เขาขึ้นไปเป็นเท่าตัว
แต่ชนาธิปก็ไม่ยอมแพ้ ถ้ายอมแพ้ทุกอย่างก็จบสิ
-----------------------------------------------
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์มากมาย เจ ไม่ตอบโต้กับใครเลย เขาซ้อม ซ้อม และซ้อม
รูทีนปกติของเจ เขาจะเริ่มซ้อมกับเพื่อนเวลา 10 โมงเช้า จากนั้นเมื่อทุกคนซ้อมเสร็จแล้วกลับบ้าน เขาจะแยกตัวเข้าไปเล่นฟิตเนสอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อเสริมบอดี้ให้แข็งแกร่งขึ้น คือเจรู้ดีว่าตัวเองตัวเล็กสูงแค่ 158 เซ็นติเมตร ซึ่งแค่ความเร็วอย่างเดียวมันไม่พอ ฟุตบอลมันมีจังหวะปะทะด้วย และเขาก็ต้องแข็งพอที่จะโดนชนแล้วไม่ร่วง
เข้าฟิตเนสเสร็จ เจกลับมานอนพัก พอตื่นแล้ว เขาจะไปทานอาหารที่หอพักของทีมเยาวชนคอนซาโดเล่ ซึ่งสโมสรจะจัดอาหารที่มีโภชนาการอย่างถูกต้องเอาไว้
สำหรับนักฟุตบอลอาชีพ การกินก็สำคัญ และเขาจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่ได้ อาหารทุกคำที่เข้าปาก เขาคิดอย่างรอบคอบ
ไม่เพียงแค่นั้น เจ ยังศึกษาภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพราะเขารู้ดี การมาเล่นลีกต่างแดน ถ้าคุณคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องมันก็ลำบากแล้ว
จากซีซั่นแรก พูดได้เป็นคำๆ และการสื่อสารเกือบทั้งหมดต้องให้ล่าม "พี่ทิ" คอยประคอง ช่วยแปลตลอด แต่พอมาในซีซั่นที่ 2 เจพัฒนาเรื่องภาษาญี่ปุ่นอย่างก้าวกระโดด
เขาสื่อสาร เป็นประโยคได้แล้ว เวลาไปร้านอาหารสามารถพูดญี่ปุ่น เป็นประโยคยาวๆกับพนักงานได้ไม่มีปัญหา ส่วนการพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีมก็ฟังได้ คุยได้ ไม่ได้ยืนงงอะไร
คำไหนใช้ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เจ ก็จะมิกซ์เอาภาษาอังกฤษ เข้าไปรวมด้วย นั่นทำให้การใช้ชีวิตประจำวันที่ฮอกไกโด ชนาธิปทำได้ดีขึ้น
-----------------------------------------------
การทุ่มเทอย่างหนัก ทำให้เจ ปรับตัวเข้ากับทีมได้ดีมาก ขณะที่สภาพร่างกายก็แกร่งขึ้นฟิตขึ้น
สำหรับโค้ช เปโตรวิช เมื่อเห็นชนาธิปมีทิศทางที่ดีขึ้น เขาก็เริ่มจับเจ มาใส่ในแผน คือเปลี่ยนเรื่องวิธีการเล่นไปอย่างสิ้นเชิง
จากเดิมเล่นปีกต้องเอาตัวรอดเป็นเพลย์ๆ ในยุคของโยโมดะ แถมได้บอลน้อยมาก เพราะสไตล์การเล่นเดิมเน้นการโยนบอลยาว เพื่อลุ้นให้เจย์ โบธรอยด์โหม่ง แต่พอเปลี่ยนเป็น เปโตรวิช เขาให้ชนาธิป ยืนตรงจุดเดิมคือปีกซ้าย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ จังหวะการขึ้นเกม ก็ไม่ได้บอมบ์ยาวอย่างเดียวอีกแล้ว
หน้าที่ของชนาธิปใน ซีซั่นนี้ เจเล่นฟุตบอลจังหวะเดียวเยอะขึ้น ขอบอล จ่ายเร็ว วิ่งหาพื้นที่ เพื่อขอบอลอีกครั้ง ก่อนจะหาจังหวะแทงคิลเลอร์พาสสวยๆ
เขามีอิสระมากขึ้น ไม่ต้องฉีกไปริมเส้นเพื่อพยายามครอสเข้ามา แต่สามารถเล่นบอลสั้น เลี้ยงฉีกเข้าใน จ่ายบอลขวางสนาม คือสามารถทำได้หลากหลาย
ขณะที่เรื่องจุดอ่อน คือการไม่ยิงประตู มาปีนี้ เจ แก้ไขมันแล้ว เขากล้าเสี่ยงยิง ในจังหวะ 50-50 ไม่มีมาลังเลใจอะไรอีก
ฟอร์มในสนาม ของชนาธิปดีขึ้นเรื่อยๆ มันส่งผลให้คอนซาโดเล่ มีลุ้นจบท็อปโฟร์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
และในที่สุด พวกเขาก็ทำได้จริงๆ คอนซาโดเล่ จบอันดับ 4 ได้สำเร็จ แม้จะพลาดไปเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แต่นี่ก็เป็นอันดับสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร
ส่วน เจ จบซีซั่นด้วยการยิงไปถึง 8 ลูก กับอีก 2 แอสซิสต์ โดย 8 ลูกที่เขายิง เกิดจาก เท้าขวา 4 ,เท้าซ้าย 2 ,โหม่ง 2 คือ โชว์ให้เห็นว่าซัดได้ทุกรูปแบบ
ไม่เพียงแค่นั้น พอจบซีซั่น เจได้รับการโหวตให้เป็น MVP ของสโมสรอีกด้วย
ส่วนเรื่องการตลาด ชนาธิปยังคงได้รับความนิยมเช่นเดิม แต่สายตาของคนญี่ปุ่นเปลี่ยนไป
จากเดิม ที่สนใจเพราะเป็น "นักเตะไทย" แต่จบฤดูกาลนี้ พวกเขาสนใจเจ เพราะเป็น "นักเตะเก่ง" แทน
-----------------------------------------------
ต้นเดือนธันวาคม เจลีก ประกาศรางวัลออลสตาร์ของลีกในซีซั่นนี้ และชนาธิป ก็มีชื่อติดทีมด้วย ในตำแหน่งมิดฟิลด์ และกลายเป็นคนอาเซียน คนแรกที่มีชื่อติดออลสตาร์ของเจลีกอีกด้วย
คนญี่ปุ่น ทั้งแฟนบอล และคู่แข่งทีมอื่น ให้การยอมรับ ว่านักเตะไทยคนนี้คือของจริง
"เขาคือคู่แข่งที่ดวลด้วยยากที่สุดในฤดูกาลนี้เลย" ยูเฮ โทคุนากะ นักเตะจากวี-วาเรน นางาซากิเผย
"การเลี้ยงบอล และการยิงด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำของเขามันยอดเยี่ยมสุดๆ" โยตะ อาคิโมโตะ จากโชนัน เบลล์มาเร่ ให้สัมภาษณ์
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายคอนซาโดเล่ตั้งเอาไว้ที่ 6.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 200 ล้านบาท) ซึ่งแพงกว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่นีซ ประกาศขายตอนนี้เสียอีก
จากนั้น ในการประกาศรางวัลเอฟเอ ไทยแลนด์ อวอร์ดส์ ชนาธิป คว้ารางวัลนักเตะไทยแห่งปี แบบไร้คู่แข่ง ซึ่งถ้าดูจากฟอร์มทั้งหมดทั้งมวลแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใจอะไรเลย
ในการให้สัมภาษณ์ตอนรับรางวัล คำไฮไลท์ที่ชนาธิปพูดขึ้นมาคือ "ตอนนี้ผมยังไม่เก่ง วันหนึ่งผมจะเก่งให้มากขึ้นกว่านี้"
น่าดีใจนะ ที่เขาไม่เคยพอใจ แม้ตัวเองจะประสบความสำเร็จแล้ว
มันทำให้แฟนบอลอยากรู้ ว่าสุดท้ายแล้ว ชนาธิปคนนี้ จะไปได้ไกลแค่ไหนกัน
-----------------------------------------------
จากจุดเริ่มต้นปี 2018 ที่เต็มไปด้วยดราม่าเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว การโดนลากไปด่าในวงการอื่น บวกกับกระแสวิจารณ์ว่า เป็นแค่นักเตะการตลาด
เจ พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่า เขาไม่ทำให้เรื่องนอกสนาม มาส่งผลต่อการเล่นฟุตบอล เขามีสมาธิ และสนใจแต่สิ่งที่ตัวเองทำได้ดี
ในเวลานี้ทุกคนก็เลยรู้แล้ว ว่าทำไมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ต้องมีเขาอยู่ในทีม
นอกจากนั้นผลงานของเขา ยังเปลี่ยนสายตาของคนทั้งเอเชีย เวลามองฟุตบอลไทย ทำให้ได้เห็นว่า ประเทศไทยมีนักเตะศักยภาพดีอยู่ ถ้าหากมีชนาธิป 1 แล้วทำไมจะมีชนาธิปคนที่ 2 ไม่ได้ล่ะ?
สามารถพูดได้เลยว่า สิ่งที่เจทำที่ญี่ปุ่น ได้เปิดตลาดนักเตะไทย ให้คนชาติอื่นยอมรับมากขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น สังคมก็มีโอกาสตั้งคำถามขึ้นมาด้วยว่า คุณพ่อก้องภพ เขาฝึกลูกอย่างไร ทำไมเจ ที่ตัวเล็กกว่าใคร แต่สุดท้ายกลับประสบความสำเร็จมากกว่าใครได้ขนาดนี้
หรือมันจะแปลว่า ต่อให้มีสภาพร่างกายแบบไหน ถ้าได้รับการฝึกอย่างถูกต้อง เด็กๆก็อาจจะกลายเป็นสตาร์ได้เหมือนกันหรือเปล่า?
ในวงการฟุตบอลปีนี้ มีหลายๆคนที่ควรค่าแก่การพูดถึง อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าที่สุดของปีนี้คือใคร
ไม่มีใครเกิน ชนาธิป สรงกระสินธ์อีกแล้ว
#Chanathip
#วิเคราะห์ออฟเดอะเยียร์
ป.ล. ทุกปี นสพ.ไทยรัฐ จะจัดบุคคลการเมืองแห่งปีใช่ไหมครับ ผมก็เลยมาคิดว่า ทำไมวิเคราะห์บอลจริงจังจะจัดบุคคลฟุตบอลแห่งปีไม่ได้ล่ะ
โดยคณะกรรมการในการคัดเลือกของเรา มีอยู่ 1 คนถ้วนครับ คือผมเอง
ต่อจากนี้ไป จะทำเป็นธรรมเนียมทุกปีเลยครับ (ถ้าเพจยังไม่ปลิวก่อนนะ!)
แอสซิสต์ คือ 在 แอสซิส บาสเกตบอล คือบ้าน เด็ก กีฬา V3.0.5 的推薦與評價
ในบาสเกตบอล แอสซิสต์ ( อังกฤษ: assist) เป็นสถิติที่นับให้กับผู้เล่นที่ส่งลูกให้เพื่อนร่วมทีมทำคะแนนได้สำเร็จ โดยที่การส่งนี้มีส่วนสำคัญมากในการทำคะแนนครั้งนั้น ... ... <看更多>
แอสซิสต์ คือ 在 ชนาธิป ลงครึ่งหลังโชว์แอสซิสต์ บีจี คว้าชัย - YouTube 的推薦與評價
ชนาธิป ลงครึ่งหลังโชว์ แอสซิสต์ บีจี คว้าชัย #ฟุตบอล108 #ช้างศึก #บอลไทย #ทีมชาติไทย ติดตาม "ฟุตบอล108" ได้ที่ช่องทาง FACEBOOK ... ... <看更多>
แอสซิสต์ คือ 在 การส่งแบบไหนที่จะถูกนับว่าเป็น"แอสซิสต์"ได้บ้าง? ... 的推薦與評價
การแอสซิสต์ หรือจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู ถูกระบุขึ้นมาเป็นวาระจริงจังครั้งแรก ในฟุตบอลโลก 1986 และคนที่จะอธิบายได้ดีที่สุด ก็คือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ... ... <看更多>